:: USA Visa Info ::
วีซ่านักเรียนประเทศอเมริกา
การเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างถูกกฏหมาย ผู้เดินทางจะต้องมีวีซ่าเข้าประเทศตามวัตถุประสงค์ของการเดินทางเข้าประเทศในครั้งนั้นๆ นอกจากนี้การมีวีซ่าไม่ใช่การรับประกันว่าผู้เดินทางจะสามารถเข้าประเทศได้ จุดที่ตัดสินว่าผู้เดินทางสามารถเข้าประเทศได้หรือไม่ คือเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองที่ทำหน้าที่ตรวจประทับตราเข้าเมืองที่สนามบินแรกที่เราเดินทางเข้าไปถึง
วีซ่าที่ได้รับจะมีชนิดและระยะเวลาที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการขอวีซ่า อย่างไรก็ดี ระยะเวลาของวีซ่าเป็นเพียงสิ่งกำหนดถึงระยะเวลาที่เราสามารถเดินทางเข้า-ออกประเทศได้เท่านั้น ส่วนระยะเวลาที่ได้รับอนุญาติให้พำนักอาศัยในประเทศในแต่ละครั้งจะแปรเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการเดินทางเข้าประเทศในครั้งนั้นๆ
ขั้นตอนการขอวีซ่าในประเทศไทย
สำหรับผู้ที่ขอวีซ่าที่สถานทูตสหรัฐฯ ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2553 ได้มีการเปลี่ยนแปลงแบบฟอร์มใหม่ DS-160 เป็นแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการสมัครวีซ่าประเภทชั่วคราวแบบใหม่เท่านั้น โดยมีการเปลี่ยนแปลงในขั้นตอนการสมัครขอวีซ่าดังนี้
หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นขอวีซ่านักเรียน
- กฏหมายของสหรัฐอเมริกากำหนดให้ผู้ที่ต้องการยื่นคำร้องขอวีซ่าประเภทชั่วคราวส่วนใหญ่ต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่กงสุลว่าไม่ได้มีความประสงค์ที่จะเป็นบุคคลเข้าเมืองถาวร ซึ่งอาจทำได้โดยการแสดงหลักฐานความผูกพันทางครอบครัว เศรษฐกิจ และสังคมอื่นๆ ที่มีอยู่ภายนอกสหรัฐอเมริกา ญาติ พี่น้อง นายจ้างหรือเพื่อน ไม่สามารถรับประกันการเดินทางกลับของท่านแทนการยื่นหลักฐานดังกล่าวได้ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินของท่าน เจ้าหน้าที่กงสุลจะต้องพิจารณาสถานภาพของผู้สมัครเพื่อการตัดสินใจว่าท่านมีคุณสมบัติครบถ้วนตรงตามที่กำหนดหรือไม่ ผู้สมัครขอวีซ่ามีหน้าที่รับผิดชอบในการพิสูจน์ว่าท่านมีคุณสมบัติครบถ้วน การแสดงเอกสารข้อเท็จจริงที่บิดเบือน จะเป็นอุปสรรคทำให้ท่านไม่ได้รับวีซ่าหรือไม่สามารถเดนิทางเข้าสหรัฐอเมริกาได้ตลอดชีพ
- จดหมายจากผู้ว่าจ้าง ที่แสดงถึงช่วงเวลาการทำงาน เงินเดือน และแจ้งให้ทราบถึงการอนุมัติวันลาหยุดพักร้อนในช่วงของการเดินทาง
- เอกสารรับรองด้านการเงินหรือสมุดธนาคาร ผู้สมัครต้องแสดงให้เห็นว่ามีเงินทุนเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางแต่ก็ไม่จำเป็นว่าต้องมีฐานะร่ำรวยจึงจะได้รับวีซ่า ดังนั้น เอกสารด้านการเงินที่แสดงประวัติด้านการธนาคารอย่างต่อเนื่อง มีการฝาก-ถอนแบบปกติ จึงมีประโยชน์มากกว่าการยื่นจดหมายทที่แสดงให้เห็นว่ามีเงินฝากจำนวนมาก
- สำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว ควรพยายามแสดงให้เห็นว่าธุรกิจของท่านประสบความสำเร็จ และมีรายได้เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม เอกสารทะเบียนการค้าไม่ได้มีประโยชน์เท่าใดนัก เอกสารที่เหมาะสมกว่าคือใบสัญญา ใบแจ้งหนี้ รายงานทางบัญชี และข้อมูลด้านการธนาคารที่แสดงถึงกิจกรรมทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ นอกจากนี้ บันทึกและอกสารต่างๆ สำหรับการยื่นวีซ่าถือว่าเป็นความลับ โดยสถานทูตไม่มีการจัดส่งข้อมูลด้านรายได้หรือธุรกิจให้กับองค์กรต่างชาติใดๆ ทั้งสิ้น
- นักเรียน/นักศึกษา ควรอธิบายได้ว่าการศึกษาในสหรัฐฯ สามารถช่วยท่านได้อย่างไร เมื่อท่านเดินทางกลับมาแล้ว มีความต้องการผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่ท่านต้องการไปศึกษาหรือไม่ และมีความต้องการในตำแหน่งงานด้านนี้หรือไม่
หมายเหตุ: ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่าหลักฐานใดน่าเชื่อถือมากกว่า เนื่องจากสถานภาพของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน รวมทั้งสถานภาพด้านครอบครัว สังคมและอาชีพการงาน ดังนั้นจังเป็นเพียงคำแนะนำในบางส่วนเท่านั้น
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการขอวีซ่านักเรียนเพื่อไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมิรกา
1. SEVIS I-20
แบบฟอร์ม I-20 เป็นเอกสารสำคัญยืนยันการตอบรับเข้าศึกษาที่สถานบันเป็นผู้ออกให้ และต้องใช้ในการยื่นขอวีซ่านักเรียนโดยจะมีรายละเอียดทั้งหมดของนักศึกษา รวมถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการไปศึกษา ตั้งแต่ชื่อสถาบัน พร้อมที่อยู่ ชื่อหลักสูตร ระยะเวลาของหลักสูตร วันเริ่มต้นและวันสำเร็จหลักสูตร อัตราค่าใช่จ่ายโดยประมาณ จนถึงเงื่อนไขเพิ่มเติม (ถ้ามี) ด้านล่างของเอกสารจะมีลายเซ็นของผู้มีอำนาจลงนามของสถาบัน พร้อมวันที่ที่ออกเอกสาร และนักศึกษาจะต้องเซ็นชื่อ และลงวันที่ก่อนนำเอกสารนี้ไปยื่นเพื่อขอวีซ่า
เอกสาร I-20 มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า SEVIS I-20 (Student Exchange and Visitor Information System) ซึ่งเป็นแบบฟอร์ม I-20 ที่มีหมายเลขประจำตัวกำกับพร้อม Barcode การจัดทำระบบ SEVIS นี้ขึ้นมาเพื่อต้องการให้เกิดความสะดวกในการติดตามตัวผู้เดินทางเข้ามายังประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่านักเรียน ทั้งนี้ เมื่อสถาบันการศึกษาทำการตอบรับนักเรียนแล้วทางสถาบันจะต้องออกแบบฟอร์ม I-20 ผ่านระบบ SEVIS
SEVIS แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่ใช้สำหรับการออกวีซ่าและส่วน “events” ซึ่งระบุให้กับหน่อยงาน INS (Immigration and Naturalization Service) เพื่อรวบรวมรายละเอียดในส่วนต่างๆ อาทิเช่น ที่อยู่ปัจจุบันของนักศึกษาในสหรัฐอเมริกา สถานภาพการเรียนของนักศึกษา วันที่เริ่มเรียนและวันที่สำเร็จการศึกษา หลักสูตรที่นักศึกษาลงทะเบียนเรียนและได้รับการตอบรับ และ วันที่นักศึกษายุติการศึกษาและเหตุผล (ในกรณีที่ไม่สำเร็จตามหลักสูตร)
2. แบบฟอร์ม DS-2019
เป็นเอกสารการตอบรับเข้าศึกษาที่สถาบันการศึกษาเป็นผู้ออกเหมือนกับ I-20 แต่ DS-2019 เป็นเอกสารการตอบรับนักศึกษาที่ใช้วีซ่าประเภท J-1 และเป็นเอกสารสำคัญในการใช้ขอวีซ่า ได้แก่ ผู้ที่ได้รับเลือกเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน ซึ่งรวมถึงนักเรียนทุนและผู้ที่ไปศึกษาดูงานหรือฝึกอบรมตามคำเชิญของหน่วยงานในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงนักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษาทั้งจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลไทย สถาบันการศึกษาต่างๆ องค์กร/บริษัทที่สนับสนุนด้านการแลกเปลี่ยนต่างๆ และผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นผู้บรรยาย นักวิจัย หรือผู้เข้ารับการฝึกอบรม
3. ค่าธรรมเนียม SEVIS FEE
US Department of Homeland Security (DHS) ได้ออกกฏข้อบังคับกำหนดให้ผู้สมัครวีซ่าประเภท F-1, M-1 และ J-1 ชำระค่าธรรมเนียม SEVIS Fee ซึ่งเป็นการชำระเพียงครั้งเดียว ค่าธรรมเนียมสำหรับวีซ่า F-1 และ M-1 เท่ากับ US$200 และ สำหรับแบบ J-1 เท่ากับ US$180
เมื่อนักศึกษาได้รับ I-20 หรือ DS-2019 แล้วจึงจะสามารถยื่นชำระค่าธรรมเนียม SEVIS ได้ โดยสามารถชำระได้ทางไปรษณีย์หรือผ่านทางอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ผู้ที่สามารถชำระค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ได้ คือนักศึกษา หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่นเพื่อน ญาติ บริษัทตัวแทน หรือสถาบันการศึกษา แผนกวีซ่าจะไม่ดำเนินการนัดสัมภาษณ์ให้กับผู้ที่ยื่นขอวีซ่าจนกว่าจะได้ชำระค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ และ DHS ได้รับค่ะรรมเนียมในส่วนนี้แล้ว นักศึกษาต้องชำระค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ล่วงหน้อย่างน้อยเป็นเวลา 3 วันทำการ ก่อนวันที่ต้องการยื่นขอวีซ่า
4. แบบฟอร์ม DS-160
ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2553 เป็นต้นไป สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา จะรับแบบฟอร์มแบบใหม่คือ DS-160 (http://ceac.state.gov/genniv/) ซึ่งเป็นแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการสมัครวีซ่าประเภทชั่วคราว DS-160 แบบใหม่นี้เป็นแบบฟอร์มที่ต้องกรอกทางอินเตอร์เน็ตเท่านั้น โดยจะใช้เก็บข้อมูลที่จำเป็นในการสมัครวีซ่าประเภทชั่วคราว DS-160 จะถูกส่งทางอิเล็กทรอนิกส์ไปที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่กงสุลจะใช้ข้อมูลที่กรอกลงในแบบฟอร์ม DS-160 ในการดำเนินการเกี่ยวกับการสมัครวีซ่าร่วมกับการสัมภาษณ์บุคคล ในการพิจารณาคุณสมบัติได้รับวีซ่าชั่วคราวของผู้สมัคร
5. แบบฟอร์ม I-94 หรือเอกสารบันทึกการเข้า-ออกประเทศ
เป็นเอกสารที่ได้รับบนเครื่องบินเพื่อให้ทุกคนกรอกและยื่นให้กับเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองเมื่อเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองจะพิจารณาเอกสารทุกอย่างและกรอกข้อมูลระยะเวลาที่อนุญาตให้อยู่ในสหรัฐอเมริกาครั้งนั้นๆ จากนั้นจะแนบเอกสาร I-94 ไว้กับหนังสือเดินทาง
แผนกกงสุล สถานทูตสหรัฐอเมริกา
(ตรงข้ามอาคารสินธร หรือเยื้องกับสถานทูตสหรัฐฯ อาคารใหม่)
เลขที่ 95 ถนนวิทยุ ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
T: 02-205-4000
F: 02-254-1171, 02-205-4103
W: http://bangkok.usembassy.gov/service.html
เวลาทำการ 7.30 – 11.00 และ 13.00 – 14.00 (ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ ยกเว้น วันหยุดราชการของประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา)